วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มนุษย์ 2 ความเชื่อ 1/2


มนุษย์ 2 ความเชื่อ {Part 1/2}
Release Data: 08/05/2012


“ความเชื่อ” เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์ทั้งหลายว่าตั้งแต่รู้ความแล้ว จะว่าไปก็คงมาตั้งแต่เกิด เราบางคนก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกความเชื่อได้โดยอิสระ บางคนก็ไม่มีสิทธิ์ แต่บางคนก็ไม่รู้ว่ามันต่างกันอย่างไร สำหรับบางคน ความเชื่อเป็นของศาสนา วัฒนธรรมประเพณี สำหรับบางคน ความเชื่อคือกลไกในการขับเคลื่อนชีวิต สำหรับบางคน ความเชื่อคือจิตวิญญาณ
ในทางศาสนา ศาสนิกชนถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
1.ศรัทธาชน บุคคลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด ผู้มีความเชื่อมั่นใจ มีความเคารพนับถือยำเกรง ทำใจให้เลื่อมใส ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อาจเป็น บุคคล อุดมคติทางการเมือง หรือศาสนา
2.ปัญญาชน บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ผู้มีความเชื่อมั่นทางใจ ความนับถือ เคารพ ยำเกรงหรือไม่ก็ตาม เหล่านี้เป็นผู้พิจารณาและแสวงหาความจริงให้แก่สิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สิ่งที่ตนเองเชื่อ มักไม่ปักใจเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งในทันที แต่มักจะพิจารณาและปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงของสิ่งนั้นก่อนที่จะเชื่อถือ มีภาวะเป็น “ผู้ศึกษา(studied)”
ในปัจจุบันบุคคลในสังคมส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ความเชื่อ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยึดเหนียวทางใจ และมักนึกถึงศาสนา แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าทุกลมหายใจของเขาและเราท่านทั้งหลายประกอบด้วยความเชื่อ เราจะมาดูกันว่าความเชื่ออยู่กับลมหายใจของเราได้อย่างไร
ครั้งหนึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ ไร้สาระนุกรมไทย(th.uncycopedia.com) สำหรับมุมมองของบางท่านบางคนอาจจะคิดว่า เป็นที่เสื่อมๆ สำหรับคนที่เกรียนที่ไว้ใช้ล้อเลียน วิกิพีเดีย เว็บไซต์สารานุกรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก หากจะถามว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ก็คงเป็นคำว่าศาสนา ที่นั่นมีศาสนาเยอะมาก ไม่ว่าจะไม่เป็น ศาสนาโอตาคุ   ศาสนาโดเรมอน เหล่านี้  หมายถึงกลุ่มบุคคลผู้คลั่งไคล้การ์ตูน แม้ว่านิยามของคำว่า ศาสนา ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน จะหมายถึง ลัทธิความเชื่อของมนุษย์อันมีหลัก คือ แสดงกำเนิดและความสิ้นสุดของโลก เป็นต้น อันเป็นไปในฝ่าย ปรมัถต์ประการหนึ่ง แสดงหลักธรรมเกี่ยวกับบุญบาป อันเป็นไปในฝ่ายศีลธรรมประการหนึ่ง พร้อมทั้งลัทธิพิธีที่กระทำตามความเห็น หรือตามคำสั่งสอนในความเชื่อนั้น ๆแต่ ถ้าเรามองไปถึงรากศัพท์แล้ว ศาสนา มาจากศัพท์บาลีที่ว่า สาสน ที่แปลว่า ความผูกพัน ความสัมพันธ์ หากเป็นเช่นนั้นจริง การจะเรียกกลุ่มบุคคลที่คลั่งไคล้การ์ตูน ว่าเป็นศาสนา ก็คงไม่ผิดนัก ตอนนี้เราจะเห็นได้ว่าศาสนาไม่ใช่ความเชื่อเสมอไป สอดคล้องกับ ศาสนิกชนสองประเภทซึ่งประเภทที่สองจะมีความเชื่อหรือไม่ก็ได้ แต่สิ่งทีเราเห็นคือ ศาสนาคือความสัมพันธ์ของกลุ่มบุคคลที่ถือเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่งประกอบขึ้นเป็นศาสนา ทุกวันนี้กระแสนิยมของสิ่งต่างหลั่งไหลเข้ามาอย่างมากและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเหล่าคนดัง เทคโนโลยี หรือแม้แต่วัฒนธรรมต่างๆ โลกยุดนี้ เป็นโลกยุคโลกาภิวัตน์ ยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในระดับที่เร็วกว่าแสง
พระเจ้า คือ ผู้ที่เป็นเจ้าแห่งความเชื่อ
คำพูดนี้ไม่ได้เกินจริงอันใดเลย ในสมัยที่มีการติดต่อสื่อสาร ความสามารถในการปฏิสัมพันธ์ที่ทำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว บางทีคุณรู้สึกแปลกใจบ้างไหมที่อยู่ๆ คุณก็ตื่นขึ้นมาบริเวณหน้าร้านขายผลิตภัณฑ์สื่อสารข้อมูลไร้สายชื่อดัง แห่งหนึ่ง เมื่อคุณมองไปรอบๆตัวสิ่งที่นอกจากตัวคุณเองแล้วยังมีเพื่อร่วมใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นที่นอนด้วย  หกนาฬิกา วันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่...
แต่ถ้าคุณลองคิดว่า ถ้าคุณก้าวเดินหน้า หรือถ้อยหลังไปซักสิบก้าว พอพ้นหน้าร้าน  ไม่ก็ กลับมานอนที่นี้หลังจากนี้สามวันให้หลัง คุณอาจจะโดนหาว่าเป็นคนบ้า คนจรจัดก็เป็นได้ เหล่านี้เป็นเรื่องของความเชื่อ “คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมความเชื่อ พร้อมความรู้สึกที่จะเชื่อ” แล้วถ้าความเชื่อของเราถูกบางคน บางกลุ่มคนครอบงำอยู่ล่ะ มันจะเกิดอะไรขึ้น
นั่นหมายถึง....ใครสักคนมีรีโมตคอลโทรลที่สามารถควบคุมคุณ และเงินในกระเป๋าคุณได้

ติดตามต่อตอนต่อไป...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น